Last updated: 10 มี.ค. 2555 | 5355 จำนวนผู้เข้าชม |
มาเริ่มในส่วนของประวัติและความเป็นมากันก่อนค่ะ งานประเพณีแห่เทียนพรรษา เป็นประเพณีทางพุทธศาสนา ของชาวอุบลฯ ซึ่งมีความเจริญในพุทธศาสนา วัฒนธรรม และประเพณีมาเป็นเวลายาวนาน ถือเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดอุบลราชธานี โดยได้กำหนดจัดงานขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 และแรม 1 ค่ำเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา จัดให้มีขึ้นทุกปี
ชาวอุบลราชธานี ได้ทำต้นเทียนประกวดประชันความวิจิตรบรรจงกัน ตั้งแต่ พ.ศ.2470 จนเมื่อปี พ.ศ.2520 จังหวัดอุบลราชธานี ได้จัดงานสัปดาห์ประเพณีแห่เทียนพรรษา ให้เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่และมโหฬาร สถานที่จัดงานคือ บริเวณทุ่งศรีเมืองและศาลาจตุรมุข มีการประกวดต้นเทียน 2 ประเภท คือ ประเภทติดพิมพ์ และประเภทแกะสลัก โดยขบวนแห่จากคุ้มวัดต่างๆ พร้อมนางฟ้าประจำต้นเทียน จะเคลื่อนขบวนจาก หน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม ไปตามถนน มาสิ้นสุดขบวนที่ทุ่งศรีเมือง และการแสดงสมโภชต้นเทียน แลเป็นแสงไฟต้องลำเทียนงามอร่ามไปทั้งงาน ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 เป็นต้นมา งานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี มีชื่องานแต่ละปี ดังนี้
ปี พ.ศ. 2554 ที่ไปมามีชื่องานว่า "ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ภูมิปัญญาชาวอุบล" ใช้ชื่องานต่อเนื่องจากงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ปี 2553 กำหนดจะจัดงานระหว่างวันที่ 1-31 กรกฎาคม 2554 ณ บริเวณสนามทุ่งศรีเมือง โดยปีนี้จะมีความพิเศษกว่าทุกปี คือ มีการจัดทำต้นเทียนพรรษาเฉลิมพระเกียรติ เป็นการนำเทียนประเภทแกะสลักและติดพิมพ์ มารวบรวมในต้นเทียนเดียวกัน โดยฝีมือช่างเทียนระดับอาจารย์ 9 ท่าน มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น การเฉลิมฉลองในวโรกาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษา และเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวจังหวัด
เริ่มทริปกันเลย
วันแรกเดินทางด้วยการขับรถส่วนตัวหลายคันคณะใหญ่ ไปถึงจังหวัดอุบลราชธานีก็ 4 โมงเย็น เป็นเย็นวันที่เริ่มแสดงเทียนที่ทุ่งศรีเมืองตอนกลางคืนพอดีค่ะ รถติดในเมืองพอสมควร แล้วเข้าที่พักที่จองไว้ล่วงหน้าที่สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี ราคา 1,400 บาท/ห้อง/คืน(ราคาเทศกาล) พร้อมคูปองอาหารเช้าให้เลือกเป็นข้าว ก๋วยเตี๋ยว หรือไข่กระทะ แล้วมีผลไม้และกับข้าวอื่นๆประมาณ 2-3 อย่างให้ตักทานได้ค่ะ เย็นนั้นไปฝากท้องที่ร้านกกขาม วิ่งออกไปเส้นนอกเมือง เป็นร้านอาหารไทย-อีสานพื้นบ้าน รสชาติใช้ได้ค่ะ กลับมาพักที่ห้อง
วันที่ 2 ทานอาหารเช้าที่เลือกเป็นไข่กระทะ ออกไปที่ทุ่งศรีเมืองไปดูความอลังการของเทียนพรรษารูปแบบต่างๆ เก็บภาพความประทับใจกันแล้ว (แต่ต้นเทียนพรรษาเฉลิมพระเกียรติอยู่ไหนหาไม่เจอ แงๆ) ซัก 10 โมงเช็คเอาท์ ออกเดินทางไปโขงเจียม แวะวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วถ่ายรูปกับจุดชมวิว แล้วต่อด้วยการไปที่ริมโขงเจียม ไปดูแม่น้ำสองสีที่ร้านแพอารยา ทานอาหารไปชมวิวไป แล้วก็ไปต่อด้วยการไปเที่ยวที่ผาแต้ม ดูภาพเขียนสมัยโบราณที่ผาแต้มพร้อมกับถ่ายรูปจุดชมวิวประมาณบ่าย 3 โมง ร้อนมากค่ะ เสร็จก็ขับรถต่อไปที่เขื่อนสิรินธร จองที่พักไว้การทางการไฟฟ้าด้วยราคา 1,200 บาท/ห้อง/คืน ตอนเย็นทานอาหารที่ร้านอาหารของที่เขื่อนบรรยากาศดีค่ะ
วันที่ 3 เช้าตื่นมาทานอาหารจุดเดิม ถ่ายรูปชมวิว แล้วก็เดินทางกลับค่ะ เนื่องจากเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ จะไปไหนทีไม่ค่อยคล่องตัวจึงเที่ยวได้ไม่เยอะเท่าที่ควรแต่ก็ได้ที่ๆสำคัญๆอยู่ค่ะ
ไข่กะทะมื้อเช้าที่สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี
เทียนพรรษาอลังการที่ทุ่งศรีเมือง
ไปทานอาหารที่แพอารยา ชมแม่น้ำสองสีที่โขงเจียม
ไปผาแต้มชมภาพวาดโบราณและจุดชมวิว
พักที่เขื่อนสิรินธร
24 ต.ค. 2566
28 ก.ค. 2562
30 ก.ย. 2562
4 ก.ค. 2566